3 อาการบอกโรคของผู้หญิงที่ควรมาตรวจก่อนปล่อยมีบุตร

 

ความผิดปกติของร่างกายนั้นสามารถมาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเกิดอาการก่อนรู้สาเหตุ หรือในบางครั้งก็ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนใดๆ ก่อนเลย

ฉะนั้นแล้ว การหมั่นตรวจเช็กและรู้เท่าทันอาการผิดปกตินั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก! วันนี้ #PrimeFertilityClinic จะพาทุกท่านมารู้จักกับ 3 อาการบอกโรคของผู้หญิงที่ควรมาตรวจก่อนปล่อยมีบุตร จะมีอาการใดบ้างไปดูกันเลย

  1. อาการเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกหลังวันหมดประจำเดือน หรือแม้แต่เลือดออกมามากกว่าปกติจนโลหิตจาง
  2. ก้อนในบริเวณช่องท้อง เช่น ก้อนที่รังไข่ อาการท้องอืด หรือมีน้ำในท้อง อาจเป็นอาการของมะเร็งรังไข่หรือมะเร็งเยื่อบุช่องท้องได้
  3. มะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่ค่อนข้างใช้เวลานานกว่ามะเร็งทั่วไป ดังนั้น การรีบตรวจเช็กและป้องกันก่อนที่จะมีอาการผิดปกติไปมากกว่านี้ จึงเป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงทุกคนควรตรวจคัดกรองอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ หากมีอาการผิดปกติดังกล่าว หรืออื่นๆ ก็ไม่ควรนิ่งเฉย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุทันที ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยต่อการปล่อยมีบุตรในอนาคตที่ดีของเราด้วยนั่นเองค่ะ

สนใจบริการ ทำเด็กหลอดแก้ว ฉีดเชื้อผสมเทียม ฝากไข่ ตรวจสุขภาพ คลิกที่นี่

ICSI การทำอิ๊กซี่ การทำอิ๊กซี่ หรือ Intracytoplasmic sperminjection (ICSI) เป็นการปฏิสนธินอกร่างกายที่ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในห้องปฏิบัติการ ซึ่งขั้นตอนคล้ายกับการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF แต่การทำอิ๊กซี่จะมีความแตกต่างคือ อิ๊กซี่เป็นการนำเอาอสุจิที่ผ่านการคัดเลือกที่ดีที่สุดหนึ่งตัวผสมต่อไข่ที่อยู่ในระยะที่เหมาะสมในการปฏิสนธิหนึ่งใบ โดยการใส่อสุจิเข้าไปในเนื้อไข่โดยตรง กระบวนการนี้จะต้องมีการกระตุ้นไข่ด้วยยาฮอร์โมนเพื่อให้ได้ไข่จำนวนหลายใบ และยังให้ผลการปฏิสนธิเป็นที่น่าพึงพอใจ ช่วยลดปัญหาการปฏิสนธิหรือการปฏิสนธิแบบผิดปกติอันเนื่องมาจากไข่และอสุจิ เช่น การเกิดการผสมด้วยอสุจิหลายตัว, อสุจิไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่เพื่อเข้ามาปฏิสนธิได้ เป็นต้น หลังจากนั้นตัวอ่อนจะถูกนำไปเพาะเลี้ยงในภาวะที่เหมาะสมในห้องปฏิบัติการตัวอ่อน แล้วจึงนำตัวอ่อนฉีดกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวที่มดลูกและเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป

คู่สมรสที่ควรรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีการทำ ICSI
1. ฝ่ายหญิงมีอายุค่อนข้างมาก (มากกว่า 35 ปี)
2. ฝ่ายหญิงมีภาวะท่อนำไข่ตีบตันทั้งสองข้าง
3. ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ค่อนข้างรุนแรง
4. ฝ่ายหญิงมีการทำงานของฮอร์โมนรังไข่ผิดปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือโรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS)
5. ฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติรุนแรง ทั้งทางด้านรูปร่าง ความสามารถในการเคลื่อนที่ รวมถึงจำนวนของอสุจิด้วย
6. ฝ่ายชายที่เป็นหมันหรือทำหมัน แต่ยังคงมีการสร้างอสุจิและสามารถนำอสุจิออกมาได้จาก วิธีการผ่าตัด เช่น การทำ PESA, TESA, TESE เป็นต้น
7. คู่สามีภรรยาที่เคยไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิสนธินอกร่างกายด้วยวิธี IVF
8. คู่สามีภรรยาที่ต้องการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมด้วยของตัวอ่อน

FET การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง
การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง หรือ FET (FROZEN EMBRYO TRANSFER) คือการนำเอาตัวอ่อนที่ถูกแช่แข็งไว้มาผ่านกระบวนการละลาย (THAWING) และย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งในกรณีนี้คนไข้สามารถเลือกช่วงเวลาที่ตนเองสะดวกได้ เช่น 1-2 เดือนหลังจากกระบวนการปฏิสนธิ การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งในสตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปีจะให้ผลดีกว่าการย้ายตัวอ่อนในรอบสด

เนื่องจากในกรณีที่ฝ่ายหญิงกระตุ้นไข่ได้หลายใบจะทำให้มีฮอร์โมนผลิตออกมาจากรังไข่ปริมาณมาก ซึ่งฮอร์โมนนี้จะส่งผลทำให้คุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกด้อยลง และทำให้โอกาสการฝังตัวของตัวอ่อนลดลงแม้ตัวอ่อนจะมีคุณภาพดีก็ตาม ดังนั้นการใส่ตัวอ่อนตามหลังการเก็บไข่เลยอาจไม่เหมาะสมนักในกรณีนี้

นอกจากนั้นผลการศึกษาจากหลายสถาบันก็มีแนวโน้มว่าการใส่ตัวอ่อนในรอบแช่แข็งและละลายจะให้โอกาสการตั้งครรภ์ที่สูงกว่าใส่หลังเก็บไข่เลย ด้วยเรื่องของคุณภาพเยื่อบุโพรงมดลูกที่พร้อมมากกว่าดังนั้นการเลือกย้ายตัวอ่อนในรอบใดนั้นแพทย์จะพิจารณาให้เหมาะสมกับคู่สมรสเป็นราย ๆ ไป

การทำ ICSI ราคา มีบุตรยาก หมอรักษามีบุตรยาก ตรวจ อสุจิ มีลูกยาก

Related Posts

เปรียบเทียบราคาการทำ icsi ราคาของการทำ iui ราคาของการทำ ivf ราคาและขั้นตอนการทำมีความแตกต่างกันอย่าง

03

พ.ค.
ข่าวสาร สาระน่ารู้

เปรียบเทียบราคาการทำ icsi ราคาของการทำ iui ราคาของการทำ ivf ราคาและขั้นตอนการทำมีความแตกต่างกันอย่าง

เปรียบเทียบราคาการทำ icsi ราคาของการทำ iui ราคาของการทำ ivf ราคาและขั้นตอนการทำมีความแตกต่ […]